ประโยชน์ สรรพคุณอโศก
ประโยชน์ :
ต้นอโศก เป็นต้นไม้ยืนต้น ซึ่งถ้าอยู่ในวัดจะทำให้ได้ร่มเงา บริเวณ ทำให้บริเวณวัดดูร่มเย็น นอกจากนี้ การมีต้นอโศก ซึ่งเป็นไม้ยืนต้น ขนาดใหญ่ ซึ่งจะเอื้อประโยชน์แก่สัตว์ต่างๆ อาทิเช่น นกที่มาอาศัยทำรัง หรือบางทีอาจมีกระรอก มาอาศัย รอมถึงแมลงต่างๆ ด้วย
จากรูปเราก็จะเห็นได้ว่า ต้นอโศกนี้จะสามารถทนต่อแสงแดดที่สาดส่องลงมาทั้งวันมา
ตลอดหลายปี และนอกนี้ ต้นอโศกก็ยังสามารถทนต่อความหนาวเย็น และยังทนต่อการขาดแคลนน้ำได้ดีกว่าคน นอกจากนี้จะสังเกตที่พื้นมีการปูด้วยอิฐ ซึ่งสำหรับต้นอโศกแล้วเมื่อต่อไปเจริญเติบโตขึ้น ลำต้นใหญ่ขึ้น มันจะขยายลำต้นออกทำให้อิฐเหล่านี้จะหลุดออกไปได้ นอกจากนี้ ถ้าเราสังเกตบริเวณที่ลำต้นจะพบว่ามีการตอกเอาไม้มาติดเป็นป้าย ซึ่งต้นไม้ยังทนต่อได้ นอกจากนี้ยังสังเกตด้วยว่าการปลูกต้นอโศกจะช่วยเพิ่ม gas O2 ในอากาศ เพราะใบอโศกจะทำการสังเคราะห์แสดงโดยใช้ CO2 และน้ำและใช้แสงแดด จะได้ C6H12O6 ซึ่งต้นอโศกจะนำไปใช้ประโยชน์ต่อปล่อย gas O2 ออกมา ทำให้เป็นผลดีต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ และจะเห็นค่าใบของต้นอโศกต้องการแสงแดดในการสังเคราะห์แสง ใบจึงพยายามแผ่ออกไปเพื่อให้ได้รับแสงได้มากที่สุด โดยในการสังเคราะห์แสงจะทำให้สามารถผลิต C6H12O6 นี้ จะเป็นสารปฐมภูมิ
สรรพคุณ :
หลักของอโศกน่าจะเป็นดอกที่มีรูปทรงสีสันงดงาม กลิ่นหอม และนำมากินได้ คนไทยนิยมนำมาแกงส้ม นอกจากนั้น ทรงพุ่มและใบอันงดงามแปลกตา โดยเฉพาะใบอ่อนที่ไม่เหมือนต้นไม้ ชนิดอื่น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับปลูกเป็นไม้ประดับอาคารสถานที่ เป็นร่มเงา และปรับปรุงสภาพแวดล้อม
ป้ายสมบูรณ์อโศกอินเดีย
ชื่อวิทยาศาสตร์ polyalthia longif olia (benth) hook.f.
ชื่อวง annonaceae
ชื่อสามัญ -
ประโยชน์ ปลูกเป็นไม้ประดับไม้ร่มเงาไม้ยึดริมบ่อน้ำ ดอกมีกลิ่นหอมใช้รับประทานได้
อ้างอิงจาก งานสวนพฤกษาศาสตร์โรงเรียนโนนสูงศรีธานี
ข้อมูลพฤกษศาสตร์
ข้อมูลพฤกษศาสตร์ชื่อวิทยาศาสตร์ Polylthia longifolia (Benth) Hook. F. var.ชื่อวงศ์ ANNONACEAE.ชื่อสามัญ The Mast Treeชื่อพื้นเมืองอื่นๆ อโศกเซนต์คาเบรียล , อโศกอินเดียถิ่นกำเนิด ประเทศอินเดียและศรีลังกา การกระจายพันธ์ : ในประเทศไทย ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ในประเทศอื่นๆ ประเทศอินเดียและศรีลังกา นิเวศวิทยา ขึ้นได้ในดินทั่วไปเวลาออกดอก ระหว่างเดือนมีนาคม-เดือนเมษายนการขยายพันธุ์ ด้วยเมล็ดหรือตอนกิ่งการใช้ประโยชน์ ใช้เป็นไม้ประดับประวัติพันธุ์ไม้(การนำเข้ามาปลูกในประเทศไทย) ภรดา ยงห์น แมรี่ เป็นผู้นำเข้ามาในประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. 2500 จากประเทศอินเดียลักษณะวิสัย : ไม้ต้นเรือนยอด : รูปกรวย ความสูง 4.5 ม. ความกว้างทรงพุ่ม 1.5 ม.
ถิ่นอาศัย : พืชบกลำต้น : ลำต้นเหนือดิน ตั้งตรงเองได้ เปลือกลำต้น : ขรุขระ สีน้ำตาลแก่ยาง : ไม่มีชนิดของใบ : ใบประกอบ แบบขนนก ขนนกปลายคี่ สีเขียวแก่ ขนาดใบ กว้าง 4 ซม. ยาว 23 ซม.ลักษณะพิเศษของใบ : ใบรูปหอก แนวยาว สีเขียวเข้ม ขอบใบเป็นคลื่นการเรียงตัวของใบบนกิ่ง : สลับรูปร่างแผ่นใบ : รูปใบหอกปลายใบ : ยาวคล้ายหางโคนใบ : มนขอบใบ : เป็นคลื่นดอก : ดอกช่อ ช่อกระจุกตำแหน่งออกของดอก : ตามลำต้นหรือกิ่งกลีบเลี้ยง : แยกออกจากกัน จำนวน 5 กลีบ สีขาวกลีบเลี้ยง : โคนเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็น 3 แฉก สี เขียวอ่อนกลีบดอก : โคนเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็น 6 แฉก สี เขียวอ่อน ดาหกแฉกเกสรเพศผู้ : จำนวน 2 อัน สี เหลือง เกสรเพศเมีย : จำนวน 1 อัน สี เหลืองรังไข่ : รังไข่เหนือวงกลีบกลิ่น : ไม่มีชนิดของผล : ผลกลุ่ม ผลสด ผลมีเนื้อหนึ่งถึงหลายเมล็ดสีของผล : ผลอ่อน สีเขียวอ่อน ผลแก สีเขียวเข้มรูปร่างผล : รีลักษณะพิเศษของผล : เมล็ดเล็กเมล็ด : จำนวน 1 เมล็ด/ผล สี เขียว
ถิ่นอาศัย : พืชบกลำต้น : ลำต้นเหนือดิน ตั้งตรงเองได้ เปลือกลำต้น : ขรุขระ สีน้ำตาลแก่ยาง : ไม่มีชนิดของใบ : ใบประกอบ แบบขนนก ขนนกปลายคี่ สีเขียวแก่ ขนาดใบ กว้าง 4 ซม. ยาว 23 ซม.ลักษณะพิเศษของใบ : ใบรูปหอก แนวยาว สีเขียวเข้ม ขอบใบเป็นคลื่นการเรียงตัวของใบบนกิ่ง : สลับรูปร่างแผ่นใบ : รูปใบหอกปลายใบ : ยาวคล้ายหางโคนใบ : มนขอบใบ : เป็นคลื่นดอก : ดอกช่อ ช่อกระจุกตำแหน่งออกของดอก : ตามลำต้นหรือกิ่งกลีบเลี้ยง : แยกออกจากกัน จำนวน 5 กลีบ สีขาวกลีบเลี้ยง : โคนเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็น 3 แฉก สี เขียวอ่อนกลีบดอก : โคนเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็น 6 แฉก สี เขียวอ่อน ดาหกแฉกเกสรเพศผู้ : จำนวน 2 อัน สี เหลือง เกสรเพศเมีย : จำนวน 1 อัน สี เหลืองรังไข่ : รังไข่เหนือวงกลีบกลิ่น : ไม่มีชนิดของผล : ผลกลุ่ม ผลสด ผลมีเนื้อหนึ่งถึงหลายเมล็ดสีของผล : ผลอ่อน สีเขียวอ่อน ผลแก สีเขียวเข้มรูปร่างผล : รีลักษณะพิเศษของผล : เมล็ดเล็กเมล็ด : จำนวน 1 เมล็ด/ผล สี เขียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น